วิธีการ เลี้ยงเลิฟเบิร์ด

วิธีการ เลี้ยงเลิฟเบิร์ด


เลิฟเบิร์ดเป็นนกแก้วตัวเล็กที่มีขนหลากสีสันและมีบุคลิกน่าขำ ในฐานะสัตว์เลี้ยง นกชนิดนี้ซื่อสัตย์และขี้เล่นกับเจ้าของ หากได้รับการดูแลและเอาใจใส่อย่างเหมาะสม เลิฟเบิร์ดอาจมีชีวิตระหว่าง 8 - 12 ปี หรืออายุยืนกว่านั้น[1]หนึ่งในตำนานซึ่งเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย เกี่ยวกับการเลี้ยงเลิฟเบิร์ดก็คือ จำเป็นต้องเลี้ยงเป็นคู่เพื่อสวัสดิภาพของพวกมันเอง หากไม่ทำเช่นนั้น เลิฟเบิร์ดจะทุกข์ทนหรืออาจจะตาย อันที่จริง ผู้เพาะพันธุ์ส่วนใหญ่โต้แย้งเรื่องประเด็นนี้ โดยแนะนำให้เลี้ยงเลิฟเบิร์ดเป็นสัตว์เลี้ยงเพียงตัวเดียว ให้เจ้าของทำตัวเป็นสมาชิกในฝูง[2]

ส่วน1
ซื้อเลิฟเบิร์ด

  1. 1
    ไม่ต้องกังวลว่าจะต้องซื้อเลิฟเบิร์ดเกินหนึ่งตัว หรือต้องช่วยสานสัมพันธ์เลิฟเบิร์ดของคุณกับเลิฟเบิร์ดอีกตัวหนึ่ง. สิ่งที่ตรงกันข้ามกับความเชื่อยอดนิยมก็คือ การซื้อเลิฟเบิร์ดมาเลี้ยงเพียงตัวเดียว ไม่ได้ทำให้นักเพาะพันธุ์และผู้เชี่ยวชาญกังวลใจ จึงไม่ต้องวิตกจนเกินไปว่าจำเป็นจะต้องซื้อเลิฟเบิร์ดเกินหนึ่งตัว อันที่จริง การที่คุณจะนำเลิฟเบิร์ดอีกตัวหนึ่งมาแนะนำกับเลิฟเบิร์ดของคุณในภายหลังอาจเป็นอันตรายได้ เพราะตัวที่อายุมากกว่าอาจพยายามทำร้ายหรือฆ่านกตัวที่มาใหม่ ส่วนความเสี่ยงอีกประการหนึ่งของการเลี้ยงเลิฟเบิร์ดมากกว่าหนึ่งตัวก็คือ นกทั้งคู่จะต้องการผูกสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน แทนที่จะผูกสัมพันธ์กับคุณผู้เป็นเจ้าของ[3]
    • หากคุณต้องการจริงๆ ที่จะเลี้ยงเลิฟเบิร์ดมากกว่าหนึ่งตัวในคราวเดียวกัน จงแนะนำให้นกทั้งสองตัวรู้จักกันตอนที่ทั้งคู่ต่างยังเด็กมาก ฝูงเลิฟเบิร์ดมีลำดับชั้นในวงสังคม ดังนั้นจึงมีนกจ่าฝูงตัวหนึ่ง และนกทุกตัวจะทำตามจ่าฝูงตัวนั้น
    • อีกตำนานหนึ่งซึ่งเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายคือ เลิฟเบิร์ดสามารถจะโหดร้ายหรือก้าวร้าว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นกตัวเมียซึ่งกำลังทำเครื่องหมายแสดงอาณาเขตของมัน หรือกรงของมัน นักเพาะพันธุ์ส่วนใหญ่เห็นพ้องว่าเลิฟเบิร์ดตัวผู้เป็นสัตว์เลี้ยงที่ดีกว่า แม้ตัวผู้จะสามารถแสดงพฤติกรรมหวงอาณาเขต และส่งเสียงร้องเวลามีนิ้วยื่นเข้าไปในกรง เลิฟเบิร์ดส่วนใหญ่ทั้งตัวผู้และตัวเมียมีอารมณ์ปรวนแปรเล็กๆ เพื่อที่จะลดผลกระทบจากความก้าวร้าวใดๆ ของพวกมัน มีความสำคัญที่คุณจะฝึกนกของคุณเพื่อป้องกันไม่ให้คุณถูกมันจิก
  2. 2
    ทำตัวให้คุ้นเคยกับเลิฟเบิร์ดสายพันธุ์ต่างๆ . มีเลิฟเบิร์ดหลากหลายสายพันธุ์ แต่สามสายพันธุ์ยอดนิยมที่สุดประกอบด้วย:
    • เลิฟเบิร์ดชนิดไม่มีขอบตา (Peach-faced lovebirds) เป็นสายพันธุ์ที่เลี้ยงกันมากที่สุด ตัวสูง 5 นิ้ว มีขนสีเขียวกับฟ้าและใบหน้าสีแดงอมชมพู มีการผสมพันธุ์เลิฟเบิร์ดชนิดไม่มีขอบตาจนกลายพันธุ์ มีสีหลากหลายนับร้อยๆ สี ตั้งแต่นกเผือกสีขาวล้วน ไปจนถึงสีม่วงเข้ม
    • เลิฟเบิร์ดหัวดำ (Masked lovebirds) สายพันธุ์นี้มีขอบตา มีหัวสีดำ จะงอยปากสีส้ม ขนอกสีเหลืองและปีกสีเขียว นักเพาะพันธุ์บางคนมองว่าเลิฟเบิร์ดหัวดำกร้าวร้าวมากกว่าอีกสองสายพันธุ์ซึ่งพบได้ทั่วไป
    • เลิฟเบิร์ด ฟิชเชอร์’ส (Fischer’s lovebirds) หรือรู้จักกันในชื่อ นกเลิฟเบิร์ดชนิดมีขอบตา (Eye-ring lovebirds) เพราะมีขอบตาสีขาวรอบดวงตา มีขนาดเล็กกว่าชนิดไม่มีขอบตากับชนิดหัวดำ และเสียงร้องแหลมสูงแตกต่างจากสายพันธุ์อื่นอย่างชัดเจน นักเพาะพันธุ์ส่วนมากเห็นพ้องกันว่า เลิฟเบิร์ด ฟิชเชอร์’ส ก้าวร้าวมากกว่าชนิดไม่มีขอบตาและชนิดหัวดำ
  3. 3
    มองหาเลิฟเบิร์ดตามร้านขายสัตว์แถวบ้าน. ร้านขายสัตว์เลี้ยงส่วนใหญ่จะมีเลิฟเบิร์ดขาย ซึ่งน่าจะเป็นชนิดที่ไม่มีขอบตากับชนิดมีขอบตา ก่อนที่คุณจะซื้อเลิฟเบิร์ด จงตรวจสอบดังต่อไปนี้ :[4]
    • นกที่มองดูมีสุขภาพดี สมควรจะกระปรี้กระเปร่า กระฉับกระเฉง และตื่นตัวพร้อมกับมีดวงตาใสกระจ่าง พวกมันสมควรมีแผ่นหนังที่คลุมจะงอยปากด้านบนชัดเจน หรือมีเนื้อมากบริเวณจมูก และรูจมูก หรือโพรงจมูก
    • เฝ้าดูตอนนกกินและดื่มเพื่อให้แน่ใจว่านกของคุณเจริญอาหารดี นกสมควรได้รับการดูแลอย่างดี ขนมันวาวและเป็นระเบียบ ขนส่วนใหญ่สมควรแบนเรียบไปกับตัวนก ไม่ฟูหรือชี้ตั้ง เท้าและขาของนกสมควรเรียบ ปราศจากก้อนนูน ตกสะเก็ด และเกล็ดหยาบกระด้าง
    • นกสมควรร่วมเปล่งเสียงไปกับคุณไม่ว่าจะทำเสียงจ๊อกแจ๊ก เสียงเคาะ และเสียงผิวปาก เลิฟเบิร์ดส่วนใหญ่ตื่นเต้นที่จะได้สื่อสารกับคนหน้าใหม่ๆ แม้ว่าบางตัวอาจจะขี้อาย หรือ อาจจะทำตัวคุกคามรอบๆ ตัวคนหน้าใหม่ๆ นกที่มีสุขภาพดีจะมีความเชื่อมั่นและอยากรู้อยากเห็น แต่ก็จะระมัดระวังและตื่นตัวด้วยเช่นกัน
    • หากเป็นไปได้ จงขออุ้มหรือจับนก จงทำให้แน่ใจว่านกสนใจจะมีปฏิสัมพันธ์กับคุณ และไม่จิกหรือใช้จะงอยปากงับคุณ ซึ่งอาจเป็นสัญญาณว่านกตัวนี้ก้าวร้าว
  4. 4
    ค้นออนไลน์เพื่อหานักเพาะพันธุ์นกเลิฟเบิร์ด. มีฐานข้อมูลหลากหลายของเหล่านักเพาะพันธุ์นกที่คุณจะหาได้ออนไลน์ ซึ่งคุณอาจค้นหาโดยยึดตามรัฐ ตามเขตพื้นที่ต่างๆ และตามสายพันธุ์ของนกที่คุณชอบ[5] จงระวังนกที่ขายในราคาสูงเกินสมควร และจงติดต่อโดยตรงเสมอเพื่อสานสัมพันธ์ก่อนที่คุณจะซื้อนกจากพวกเขา.[6]
    • นักเพาะพันธุ์ที่มีชื่อเสียงส่วนใหญ่จะเลี้ยงนกของตัวเองมากับมือ หมายความว่าพวกเขาจะเกี่ยวข้องในทุกขั้นตอนของการเพาะพันธุ์ ตั้งแต่เลือกคู่ไปจนถึงสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีสำหรับการเพาะพันธุ์ในกรง และการบำรุงด้านอาหารกับโภชนาการของนก
    • นักเพาะพันธุ์จะเฝ้าดูไข่นกอย่างระมัดระวัง และดูแลพวกลูกนกจนกว่าพวกมันจะพบบ้านที่เหมาะสม นักเพาะพันธุ์บางคนจะป้อนอาหารด้วยมือเพื่อให้ลูกนกเชื่อง และแยกพวกมันออกจากพ่อแม่ การป้อนอาหารลูกนกด้วยมือ และการใช้มือทำให้เชื่อง เป็นวิธีที่ดีที่จะช่วยให้นกคุ้นเคยที่จะมีปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์ การทำเช่นนี้ทำให้เลิฟเบิร์ดส่วนใหญ่ที่เลี้ยงมากับมือเชื่องมากและเป็นสัตว์เลี้ยงที่น่ารัก[7]
    • ในอเมริกานั้น เลิฟเบิร์ดที่นักเพาะพันธุ์เลี้ยงมากับมือ อาจมีราคาตัวละระหว่าง 1,400 บาท - 4,500 บาท สำหรับสายพันธุ์ที่พบได้ทั่วไปและที่กลายพันธุ์แล้ว โดยทั่วไปนั้น นกที่เลี้ยงดูโดยพ่อแม่นกซึ่งมีขายอยู่ตามร้านขายสัตว์เลี้ยงจะราคาถูกกว่านี้ แต่สายพันธุ์หายากและพวกกลายพันธุ์จะราคาแพงกว่าสายพันธุ์ปกติ[8]
  5. 5
    พาเลิฟเบิร์ดตัวใหม่ของคุณไปพบสัตว์แพทย์. นกอาจมีปัญหาสุขภาพที่คุณอาจมองไม่เห็น การพาเลิฟเบิร์ดตัวใหม่ไปพบสัตว์แพทย์จะช่วยยืนยันว่านกมีสุขภาพดี[9]
    • หากคุณรู้ว่ากำลังจะซื้อเลิฟเบิร์ดในอนาคตอันใกล้ จงกำหนดวันนัดหมายกับสัตว์แพทย์ในทันทีหลังจากไปรับนกมาจากร้านหรือจากนักเพาะพันธุ์
    • จ่ายค่าบริการเพิ่มเติมให้สัตว์แพทย์จัดทำแผนการด้านสุขภาพ ที่จะช่วยให้เลิฟเบิร์ดของคุณมีชีวิตที่ยาวนานและมีสุขภาพดี แผนการนี้รวมทั้งการตรวจสุขภาพประจำปี และการดูแลทางการแพทย์ในกรณีฉุกเฉิน [10]
  6. 6
    พิจารณายืนยันเพศของเลิฟเบิร์ด. เลิฟเบิร์ดไม่ใช่สัตว์ที่มีความแตกต่างระหว่างเพศอย่างชัดเจน ซึ่งหมายความว่าโดยทั่วไปนั้น คุณไม่อาจเพียงแค่มองดูแล้วบอกได้ว่านกตัวไหนเป็นตัวผู้หรือตัวเมีย วิธีดีที่สุดที่จะยืนยันเพศของเลิฟเบิร์ดคือให้สัตว์แพทย์ตรวจ DNA ของมัน หรือคุณอาจทำเองโดยใช้ชุดตรวจ DNA [11]
    • โดยทั่วไปนั้น ชุดตรวจ DNA มีราคาระหว่าง 525 บาท –770 บาท คุณจะจำเป็นต้องตัดเล็บนกสักชื้นหนึ่ง โดยตัดให้สูงกว่าปกติเล็กน้อย แล้วส่งตัวอย่างไปให้ห้องแลป
    • สัตว์แพทย์อาจขอตัวอย่างจากนกของคุณและส่งไปตรวจในห้องแลปเช่นกัน
    • ข้อแตกต่างบางประการระหว่างนกทั้งสองเพศที่คุณบอกได้ด้วยตา รวมทั้งการที่ตัวเมียมีแนวโน้มจะเกาะคอนโดยใช้พื้นที่มากกว่าตัวผู้ ตัวเมียจะตัวใหญ่กว่าตัวผู้เล็กน้อย และตัวเมียจะมีกระดูกเชิงกรานกว้างกว่านกตัวผู้ด้วย ซึ่งคุณสามารถใช้นิ้วชี้ตรวจสอบอย่างนุ่มนวล
    • ตัวเมียสายพันธุ์ที่ไม่มีขอบตาจะพยายามยัดวัสดุต่างๆ ไว้ใต้ปีกเพื่อนำไปใช้สร้างรัง ขณะที่นกตัวผู้สายพันธุ์ที่ไม่มีขอบตาจะพยายามทำเช่นกัน แต่จะล้มเหลว อย่างไรก็ตาม มีข้อยกเว้นเรื่องลักษณะนิสัยทั่วไปซึ่งขึ้นอยู่กับนกของคุณ

ส่วน2
หาที่อยู่ให้กับเลิฟเบิร์ดของคุณ

  1. 1
    มองหากรงขนาดอย่างน้อย ยาว 18” กว้าง 18” สูง 18” ที่ร้านขายสัตว์แถวบ้านคุณ.เลิฟเบิร์ดเป็นนกที่คล่องแคล่วและขี้เล่น จึงต้องการกรงซึ่งมีพื้นที่พอใส่ของเล่นทั้งหมด กับมีคอนซึ่งจำเป็นต้องใช้เพื่อให้พวกมันมีอะไรทำอยู่ตลอดเวลา กรงยิ่งใหญ่เท่าไรจะยิ่งสะดวกสบายมากขึ้นเท่านั้นสำหรับนก[12]
    • กรงสมควรจะมีซี่กรงตามแนวนอนอย่างน้อยสองด้าน ซี่กรงไม่ควรอยู่ห่างกันเกิน ¾” นิ้วเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการบาดเจ็บขึ้นได้
  2. 2
    จงใส่คอนหลายอันไว้ในกรง โดยให้แต่ละอันแตกต่างกันทั้งเรื่องความกว้าง เส้นผ่าศูนย์กลาง และเนื้อวัสดุ. แต่ละกรงสมควรมีคอนอย่างน้อยสองถึงสามอัน ซึ่งแตกต่างกันทั้งขนาด รูปร่าง และเนื้อวัสดุ เพื่อช่วยให้เท้าของนกเกาะบนคอนได้อย่างมีสุขภาพดีและแข็งแรง คอนสมควรมีความหนามากพอที่นกจะยืนเกาะอยู่ได้อย่างสบายๆ โดยไม่เสียสมดุล คอนขนาดเล็กที่สุดสมควรมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ ½” [13]
    • มองหาคอนที่ทำจากแกนไม้ กิ่งไม้ตามธรรมชาติ ทรายและคอนกรีตหล่อ กับเชือก [14]
  3. 3
    ตั้งกรงนกให้สูงจากพื้น อยู่ห่างจากกระแสลมแรง หน้าต่างที่เปิดอยู่ และห้องครัว. กรงนกสมควรจะยกสูงและตั้งห่างจากช่องระบายอากาศกับช่องประตู นกบางตัวอาจเป็นหวัดได้หากถูกกระแสลมในขณะที่ตัวเปียก เช่น หลังอาบน้ำ[15]
    • เลิฟเบิร์ดสามารถจะอ่อนไหวได้กับควันและกลิ่นฉุน รวมทั้งเสียงดัง[16] หากคุณสูบบุหรี่ อย่าสูบในห้องที่เลิฟเบิร์ดอยู่
  4. 4
    ตั้งกรงไว้ในห้องที่เงียบและมีแสงสว่างดี. [17]ห้องที่มืดเกินไปอาจจะทำให้เลิฟเบิร์ดของคุณแสดงพฤติกรรมผิดปรกติและมีปัญหาสุขภาพ แต่ก็ไม่สมควรจะวางกรงใกล้กับหน้าต่างที่รับแดดเต็มที่ในเดือนต่างๆ ที่ร้อนที่สุดของปี เพราะอาจทำให้นกตัวน้อยเป็นโรคลมแดด หรือถึงตายได้[18]
    • แสงแดดอ่อนซึ่งส่องเข้ากรงนกโดยไม่ผ่านการกลั่นกรองนั้นดีที่สุด เพราะช่วยให้นกได้รังสีอัลตราไวโอเลต- บี ที่จำเป็นเพื่อให้มีสุขภาพดี หากกรงเลิฟเบิร์ดอยู่ใกล้กับหน้าต่างซึ่งโดนแสงแดดอ่อน คุณอาจอยากพิจารณาลงทุนซื้อหลอดไฟพิเศษซึ่งให้รังสีอัลตราไวโอเลต-บี ในระดับปลอดภัย มาแขวนไว้เหนือกรงเลิฟเบิร์ด และอาจเปิดไฟ 8 ถึง 10 ชั่วโมง/ วัน เพื่อให้แน่ใจว่านกได้แสงแดดมากพอ[19]
  5. 5
    จงทำให้แน่ใจว่านกของคุณได้หลับยาวโดยไม่ถูกรบกวน 10-12 ชั่วโมงทุกคืน. การนอนมีความสำคัญสำหรับเลิฟเบิร์ด หากคุณกำลังจะเก็บเลิฟเบิร์ดไว้ในกรงภายในบ้าน คุณอาจจะต้องการผ้าคลุมกรงเพื่อช่วยให้นกหลับได้ในตอนกลางคืน[20]
    • คุณอาจจะหากรงนอนขนาดเล็กให้กับนกของคุณด้วย หากไม่มีพื้นที่มากพอจะนำกรงขนาดใหญ่เข้ามาตั้งไว้ข้างในตัวบ้าน การใช้กรงนอนจะทำให้แน่ใจว่า นกของคุณมีพื้นที่ปลอดภัยและเงียบเพื่อใช้นอน
    • คุณสมควรให้นกนอนในเวลาเดียวกันทุกคืน และนำออกจากกรงนอนในเวลาเดียวกันทุกเช้า[21]
  6. 6
    ทำความสะอาดกรงนกของคุณสัปดาห์ละครั้ง. สมควรทำความสะอาดถาดกับจานในกรงนกทุกวัน แต่กรงนกเป็นบ้านของนก จึงสมควรทำความสะอาดสัปดาห์ละครั้ง[22][23]
    • ใช้น้ำอุ่นกับสบู่. จับนกออกจากกรง แล้วเช็ดทำความสะอาดกรง คอน กับของเล่นทั้งหมดในกรง
    • คุณสามารถใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีชื่อว่า เจลทำความสะอาด (Cleansing Gel) เพื่อทำความสะอาดกรงอย่างล้ำลึก ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดนี้มีคลอรีนไดออกไซด์ที่ถูกทำให้เสถียร และปลอดภัยสำหรับนกของคุณ[24]
    • จงระมัดระวังเวลาใช้สารละลายของสารฟอกขาวเจือจาง (diluted bleach solution) ฆ่าเชื้อโรคในกรงนก สารฟอกขาวเป็นพิษกับนก จึงต้องล้างกรงให้สะอาดหมดจดหลังจากได้ใช้สารละลายของสารฟอกขาวกับน้ำแล้ว หลังจากนั้น ให้นำกรงไปตั้งไว้กลางแดดเพื่อทำให้แห้งด้วยการตากลม[25]
    • จงทำให้แน่ใจว่ากรงกับชามต่างๆ ปลอดกลิ่นของสารฟอกขาว ก่อนจะใส่นกกลับเข้ากรง

ส่วน3
ให้อาหารแก่เลิฟเบิร์ด

  1. 1
    จงให้อาหารคุณภาพสูงแก่นกของคุณ. ขนาดที่ถูกต้องของอาหารสำหรับเลิฟเบิร์ด มีระบุด้วยรูปภาพไว้บนฉลากอาหารนก จงมองหาอาหารนกที่มีเมล็ดพืชคุณภาพสูง ซึ่งปอกเปลือกแล้ว และใส่รวมอยู่กับอาหารเสริมซึ่งมีวิตามินและแร่ธาตุต่างๆ เช่น อาหารเม็ด เลิฟเบิร์ดแต่ละตัวสมควรจะได้รับอาหารเม็ด หรืออาหารนกที่มีเมล็ดพืชเป็นหลักโดยเฉลี่ย 2-3 ช้อนชาต่อวัน[26]
    • คุณอาจให้นกกินเมล็ดพืชแบบผสมได้ด้วย แต่จงจำใส่ใจว่าการใส่เมล็ดพืชไว้แบบหลวมๆ จะเปิดโอกาสให้นกสามารถจิกและเลือกเมล็ดพืชที่จะกินได้ อาหารนกยี่ห้อ นูทรี-เบอร์รี่ (Nutri-berries) ยี่ห้ออะวี-เค้ก (Avi-cakes) และยี่ห้อ เพลเลต–เบอร์รี่ (Pellet-berries) ทำให้เลิฟเบิร์ดต้องทำงานเพื่อแงะเมล็ดพืชแต่ละเมล็ดออกมากิน ดังนั้น นกของคุณจึงน่าจะได้กินเมล็ดพืชหลากหลายมากขึ้น[27]
    • มองหาเมล็ดพืชแบบผสม (Seed mixes) จากร้านขายสัตว์เลี้ยงใกล้บ้านคุณ ซึ่งประกอบด้วยข้าวไรน์ (canary seed) ข้าวฟ่าง ข้าวเจ้าที่สีแล้ว ข้าวโอต ดอกคำฝอย (Safflower) กับเมล็ดทานตะวันจำนวนเล็กน้อย ข้าวโพดเป็นส่วนผสมที่นิยมกันมากสำหรับเลิฟเบิร์ด เช่นเดียวกันกับเมล็ดพืชงอก (sprouted seed)[28]
  2. 2
    ผสมผลไม้สดกับผักสดในอาหารสำหรับนกของคุณด้วย. คุณสมควรให้อาหารเม็ดและเมล็ดพืชแบบผสม เป็นอาหารหลักประจำวันสำหรับนก แต่ไม่สมควรให้อาหารนกเพียงแค่นี้ เพราะนกยังได้สารอาหารไม่เพียงพอ ประมาณ 5-10% ของอาหารนกของคุณสมควรเป็นผักและผลไม้สดขนาดพอดีคำ[29]
    • จงให้ผลไม้ที่ดีต่อสุขภาพแก่นกของคุณ เช่น แอปเปิล องุ่น เบอร์รี่ มะละกอ และมะม่วง คุณสมควรป้อนผักให้นกของคุณกินด้วย ตัวอย่างเช่น แคร์รอต บรอกโคลี ซูกินี พืชตระกูลน้ำเต้า มันเทศปรุงสุก และผักใบสีเขียวเข้ม เช่น ผักเคล (kale) และผักกาดโรเมน (romaine)[30]
  3. 3
    ให้อาหารอร่อยและดีต่อสุขภาพแก่นกของคุณ. อาหารเหล่านี้รวมทั้งโฮล เกรน หรือธัญพืชที่ไม่ผ่านการขัดสีปรุงสุก เช่น ข้าวกล้อง พาสต้าโฮล เกรน ขนมปังมัลติเกรน และซีเรียลชนิดปลอดน้ำตาล เวลาใส่อาหารสดแก่นกของคุณ จงทำให้แน่ใจว่าได้เก็บอาหารทุกอย่างที่นกไม่กินออกจากกรงจนหมด อาหารจะได้ไม่เน่าเสีย คุณสมควรล้างชามที่อยู่ในกรงของพวกมันด้วย ก่อนจะใช้ใส่อาหารครั้งใหม่[31]
    • ไม่เป็นไรหากเลิฟเบิร์ดจะร่วมแบ่งปันอาหารหลายชนิดที่คุณกิน แต่จงจำกัดปริมาณการบริโภคของมันสำหรับอาหารรสเค็ม รสหวาน ชนิดที่อมน้ำมัน และอาหารทอด เพื่อให้นกยังคงมีสุขภาพดี
  4. 4
    จงทำให้แน่ใจว่านกของคุณเข้าถึงน้ำใหม่สะอาดตลอดวัน. อย่าให้เลิฟเบิร์ดกินน้ำประปาหรือน้ำที่ไม่ได้กรอง กรงนกส่วนใหญ่จะมีที่ใส่น้ำผูกติดมาด้วย ดังนั้น นกของคุณจึงเข้าถึงน้ำได้ตลอดเวลา[32]
  5. 5
    ห้ามให้นกกินแอลกอฮอล์ ช็อกโกแลต หรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน. สสารเหล่านี้สามารถฆ่าเลิฟเบิร์ดของคุณได้ แม้กินในปริมาณเพียงเล็กน้อย[33]
    • คุณสมควรหลีกเลี่ยงไม่ให้นกกิน อะโวคาโด รูบาร์บ แอสปารากัส หัวหอม และพืชตระกูลถั่วดิบ ๆ เช่นถั่วและถั่วลันเตา กับผลิตภัณฑ์นม
  1. 1
    อาบน้ำนกของคุณสัปดาห์ละครั้ง. การอาบน้ำเป็นประจำมีความสำคัญที่จะช่วยให้นกมีสุขภาพดีและปลอดโรค หากเลิฟเบิร์ดไม่อาบน้ำ ขนอาจจะมอมแมมหรือสกปรก[34]
    • อาบน้ำฝักบัวให้นกโดยเติมน้ำในขวดสเปรย์ชนิดฉีดพ่นละอองฝอย ฉีดสเปรย์เหนือตัวนกของคุณหนึ่งถึงสองฟุต เพื่อที่น้ำหยดเล็กๆ จะได้ตกลงมาเหมือนสายฝน
    • ทำแบบนี้สี่ห้าครั้งเพื่อให้เลิฟเบิร์ดของคุณคุ้นเคยกับ “สายฝน” แล้วเริ่มใช้ปากไซร้ขนกับดูแลตัวของมันเอง
    • นกบางตัวชอบอาบน้ำ และจะกระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุขในจานเซรามิกเล็กๆ ที่บรรจุน้ำจนเต็มเปี่ยม นกของคุณอาจจะเล่นน้ำจนสาดกระเซ็นอีกหลายนาทีด้วย
  2. 2
    เช็ดตัวนกของคุณให้ดีและใส่ไว้ในห้องที่อบอุ่น. หลังจากอาบน้ำแต่ละครั้ง จงทำให้แน่ใจว่าคุณได้ใช้ผ้าเช็ดตัวผืนเล็กเช็ดตัวนกให้แห้งอย่างรวดเร็ว แล้วใส่ไว้ในห้องอุ่นๆ นกจะได้ไม่หนาวสั่นหรือเป็นหวัด[35]
  3. 3
    ตัดสินใจว่าจะขลิบปีกนกทุกๆ สองสามสัปดาห์หรือไม่. สิ่งนี้ไม่ใช่ส่วนที่จำเป็นต้องทำในการดูแลนก แต่จะช่วยให้นกเชื่อง การขลิบขนปีกจะป้องกันไม่ให้นกบินขึ้นไปชนพัดลมเพดาน หน้าต่าง และสิ่งที่มีศักยภาพจะเป็นอันตรายอื่นๆ อีกด้วย แต่การขลิบปีกเป็นที่ถกเถียงกัน เพราะจะเปลี่ยนวิธีบินของนก ทำให้นก "ตกสู่พื้นดินอย่างกะทันหัน" สร้างความเสียหายให้กับเนื้อส่วนหน้าอก ส่วนใหญ่ไม่นิยมใช้วิธีนี้แล้ว สนับสนุนมากกว่าให้ทำห้องที่ปลอดภัยสำหรับนก และฝึกนกให้มาหาเวลาที่คุณเรียก
    • หากคุณไม่สบายใจที่จะขลิบปีกนกด้วยตัวเอง อาจคุยกับสัตว์แพทย์เรื่องให้มืออาชีพผู้มีคุณสมบัติเหมาะสมช่วยขลิบปีกนกให้[36]
    • หากคุณเลือกจะขลิบปีกนกด้วยตัวเอง สมควรให้มืออาชีพผู้ผ่านการฝึกอบรมมาลงมือขลิบปีกนกเลิฟเบิร์ดของคุณเป็นครั้งแรก เพื่อที่คุณจะได้สังเกตในระหว่างที่มืออาชีพขลิบปีกนกของคุณ โดยน่าจะใช้มือข้างหนึ่งจับนกไว้ ขณะใช้มืออีกข้างขลิบขนปีก[37]
    • มืออาชีพสมควรจะขลิบขนปีกนกของคุณโดยเริ่มจากเส้นที่อยู่นอกสุดเพียง 5-6 เส้น และไม่สมควรขลิบออกจนถึงตอนบนของขนเส้นยาว นกจะมีขนสั้นสองชั้นปกคลุมเหนือขนเส้นที่ยาวกว่า คุณไม่สมควรจะตัดขนสั้นๆ เหล่านี้ออกในระหว่างการขลิบ มืออาชีพสมควรจะขลิบขนช่วงล่างออกประมาณหนึ่งในสี่ของความยาว โดยตัดออกเพียงขนส่วนปลายปีกเท่านั้น และสมควรขลิบตามแนวขนที่คลุมทับอยู่ข้างบน เพื่อให้ปีกที่ถูกขลิบออกดูเรียบเนียนเข้ากับตัวนก และไม่ทิ่มแทงผิวหนัง จนสร้างความระคายเคืองให้กับนก[38]
    • คุณสมควรตัดเล็บเท้าของนกเพื่อให้เท้าได้รูปทรงตามปกติ ช่วยเรื่องการเกาะคอนข้างในกรง และลดโอกาสที่เล็บนกจะเกี่ยวเสื้อผ้าหรือเนื้อผ้า หากคุณไม่สะดวกใจที่จะตัดเล็บของนกเอง จงปล่อยให้มืออาชีพผู้มีคุณภาพช่วยตัดเล็บนกให้กับคุณ
  4. 4
    ใช้ของเล่นที่ปลอดภัยสำหรับนก หรือทำของเล่นเอง. คุณสามารถหาซื้อของเล่นที่ปลอดภัยสำหรับนกตามร้านขายสัตว์เลี้ยงใกล้บ้าน และคุณยังสามารถทำของเล่นแบบง่ายๆ โดยใช้ฝาพลาสติกของขวดยาเม็ดหรือฝาขวดโซดา ยัดกระดาษทิชชู่สำหรับใช้ในห้องน้ำที่สะอาดๆ ใส่กล่องเล็กๆ หรือใช้ใบไม้และกิ่งไม้จากต้นไม้ชนิดที่ปลอดภัย เช่น กอกุหลาบ กอชบา และต้นหม่อน[39]
    • อย่าวางกระจกไว้ในกรงนก เพราะเลิฟเบิร์ดจะปฏิบัติต่อภาพสะท้อนของตัวมันในกระจกราวกับเป็นคู่ของมัน[40]
    • สับเปลี่ยนหมุนเวียนของเล่นในกรงนกเป็นประจำ เพื่อที่นกจะได้ไม่เบื่อ เปลี่ยนของเล่นชนิดใดก็ตามที่ฉีกขาดหรือเสียหาย เพราะอาจทำให้นกบาดเจ็บได้
    • จงแนะนำของเล่นใหม่สักชิ้นหนึ่งให้นกของคุณรู้จักในสถานที่เป็นกลางสักแห่ง ก่อนที่จะใส่ของเล่นในกรงของมัน เพื่อให้นกคุ้นเคยกับของเล่นชิ้นนั้น
  5. 5
    ล้างมือทั้งก่อนและหลังอุ้มนก. นกอาจเป็นพาหะนำโรคมาสู่มนุษย์ และปัญหาอื่นๆ อาจทำให้คุณหรือนกของคุณป่วยหนักได้
  6. 6
    จับนกออกจากกรงเพื่อเล่นด้วยเป็นประจำวัน. ทำเช่นนี้โดยเพิ่มเวลาจนใช้เวลาทั้งวันนาน 30 นาที เพื่อช่วยให้นกของคุณได้พบปะสมาคมที่ดี นกส่วนใหญ่มีความสุขกับการใช้เวลาบนบ่าของเจ้าของ อิงแอบอยู่ตามลำคอ หรือ ซุกซ่อนอยู่ตามเสื้อผ้า เช่น เสื้อสเวตเตอร์ หรือผ้าพันคอ[41]
    • เวลานกเลิฟเบิร์ดเบื่อ พวกมันมีแนวโน้มจะเคี้ยวเสื้อผ้า เครื่องประดับ และจิกทึ้งกระดุม จงปกป้องเสื้อผ้าของคุณเวลาปล่อยนกออกจากกรง โดยสวมเสื้อผ้าที่นกไม่อาจจิกทึ้งได้ คุณยังสมควรหลีกเลี่ยงการสวมสร้อยคอเวลาที่นกอยู่กับคุณด้วย
    • คุณสามารถหาซื้อ “สร้อยคอนก” ซึ่งทำจากสายโซ่ที่ปลอดภัยสำหรับนกมาสวมใส่ สร้อยมีของเล่นเล็กๆ สำหรับนกห้อยอยู่กับข้อลูกโซ่ เพื่อให้นกมีบางสิ่งที่ปลอดภัยเอาไว้เล่นด้วย[42]
  7. 7
    ฝึกให้นกของคุณ "ก้าวขึ้น" ยืนบนคอนในกรงหรือบนของเล่น. ทำได้โดยเคาะบนของเล่น และค่อยๆ สอนให้มันก้าวขึ้นไป การฝึกเรื่องนี้จะช่วยควบคุมพฤติกรรมการหวงอาณาเขต ซึ่งตามปกติจะเกิดขึ้นเมื่อนกถึงวัยเจริญพันธุ์ ในช่วงเวลานี้ นกอาจจิกกัดสิ่งใดก็ตามที่เข้าใกล้บริเวณรังหรือกรงของมัน [43]
    • การสอนนกให้ก้าวขึ้นเกาะคอน จะช่วยให้เลิฟเบิร์ดออกจากอาณาเขตของมันโดยไม่จิกกัด และช่วยให้สงบลง
  8. 8
    พูดด้วยน้ำเสียงนุ่มๆ และเคลื่อนไหวช้าลงเมื่ออยู่รอบตัวนก. เลิฟเบิร์ดฉลาดและเป็นนกอ่อนหวาน มีแนวโน้มจะเข้ากันได้ดีกับผู้คน พวกมันสามารถ “พูดได้”เหมือนกับนกแก้วชนิดอื่นๆ แม้ว่าจะไม่แตกฉานเรื่องคำศัพท์ต่างๆ จงดึงนกให้เข้ามีส่วนร่วมกับคุณ โดยพูดโทนเสียงต่ำๆ และส่งเสริมให้นกตอบโต้คุณ หรือทวนคำพูดของคุณ
    • พวกนกอาจกลัวจนตายได้ การทำให้นกตกใจกลัวอาจสร้างความเครียดมากพอที่จะเป็นอันตราย จนอาจถึงขั้นทำให้ตายได้ หลีกเลี่ยงการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว หรือทำเสียงดังรอบๆ เลิฟเบิร์ด
    • ไม่สมควรปล่อยให้สัตว์ล่าเหยื่อ เช่น แมว หมา และพังพอน ยุ่งเกี่ยวโดยตรงกับนกของคุณ
  9. 9
    พานกของคุณไปหาสัตว์แพทย์อย่างต่อเนื่อง. นกส่วนใหญ่จะซ่อนอาการป่วยจนกว่าจะถึงขั้นอาการหนักแล้ว จึงดีที่สุดหากคุณจะพานกไปพบสัตว์แพทย์บ่อยๆ จะได้ตรวจสอบแต่เนิ่นๆ เพื่อหาร่องรอยใดๆ ของอาการป่วย หรือปัญหาทางการแพทย์ใดๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้[44]

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

การเลี้ยงกบ

วิธีการ ให้อาหารปลากัด